📌 365 วัน สู่ความเชื่อที่หยั่งลึก "จากคำสอน สู่ความเชื่อ เพื่อพบพระเจ้า"
หยั่งลึกในความเชื่อวันละนิดกับชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
––––––––––––––––––––
📌 วันที่ 10
บทที่สอง พระเจ้าทรงพบกับมนุษย์
- (CCC 50)
ตอนที่ 1 การเปิดเผยความจริงของพระเจ้า
- I. พระเจ้าทรงเปิดเผย “แผนการแสดงพระทัยดี” ของพระองค์ (CCC 51-53)
- II. ขั้นตอนต่างๆ ของการเปิดเผย
พระเจ้าทรงแสดงพระองค์ให้มนุษย์รู้จักตั้งแต่แรกเริ่ม (CCC 54-55)
- พันธสัญญากับโนอาห์ (CCC 56-58)
บทที่สอง พระเจ้าทรงพบกับมนุษย์
CCC 50 มนุษย์ที่ใช้เหตุผลตามธรรมชาติอาจรู้จักพระเจ้าได้อย่างมั่นใจโดยเริ่มจากผลงานต่างๆ ของพระองค์ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นที่จะรู้จักพระเจ้าได้อีก วิธีการนี้มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงได้เลยอาศัยพลังความสามารถของตนเท่านั้น วิธีการเช่นนี้ได้แก่ การเปิดเผยของพระเจ้า พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยโดยอิสระที่จะทรงเปิดเผยและประทานพระองค์แก่มนุษย์พระองค์ทรงทำเช่นนี้โดยทรงเปิดเผยพระธรรมล้ำลึกของพระองค์ ทรงมีแผนการแสดงพระทัยดีมาตั้งแต่นิรันดรในพระคริสตเจ้าสำหรับมวลมนุษย์ ทรงเปิดเผยแผนการนี้อย่างสมบูรณ์เมื่อทรงส่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบุตรสุดที่รักและพระจิตเจ้ามาให้เรา
ตอนที่ 1 การเปิดเผยความจริงของพระเจ้า
I. พระเจ้าทรงเปิดเผย “แผนการแสดงพระทัยดี” ของพระองค์
CCC 51 “พระเจ้าทรงพระทัยดีและปรีชาญาณ ทรงมีพระประสงค์ที่จะแสดงพระองค์แก่มนุษย์ให้มนุษย์รู้ถึงแผนการอันเร้นลับของพระองค์ คือการที่โดยทางพระคริสตเจ้าองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ มนุษย์จึงสามารถเข้าถึงพระบิดาเจ้าในองค์พระจิตเจ้า และมีส่วนในพระธรรมชาติพระเจ้าได้”
CCC 52 พระเจ้า “ผู้ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้” (1 ทธ 6 : 16) ทรงประสงค์ให้มนุษย์ที่ทรงเนรมิตสร้างไว้โดยอิสระเสรีได้มีส่วนร่วมชีวิตพระเจ้าของพระองค์ เพื่อทรงบันดาลให้มนุษย์เป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ในองค์พระบุตร เมื่อทรงเปิดเผยพระองค์ พระเจ้าทรงประสงค์บันดาลให้มนุษย์สามารถตอบสนองพระองค์ รู้จักพระองค์ รักพระองค์ได้เหนือความสามารถที่เขามีตามธรรมชาติ
CCC 53 แผนการของพระเจ้าที่จะเปิดเผยนี้สำเร็จไป “ด้วยกิจการและพระวาจาซึ่งเกี่ยวเนื่องกันอย่างลึกซึ้ง” และให้ความกระจ่างแก่กัน การเปิดเผยนี้นับเป็น “วิธีการที่พระเจ้าทรงสั่งสอน” โดยเฉพาะ พระเจ้าทรงค่อยๆ เปิดเผยพระองค์แก่มนุษย์ตามลำดับ ทรงเตรียมเขาในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อรับการเปิดเผยเหนือธรรมชาติที่พระเจ้าทรงกระทำด้วยพระองค์เอง และที่จะบรรลุถึงจุดยอดในพระบุคคลและพันธกิจของพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ คือพระเยซูคริสตเจ้า
นักบุญอีเรเนอุส แห่งลียง ใช้ภาพความใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์กล่าวบ่อยๆ ถึงวิธีการสั่งสอนของพระเจ้าว่าดังนี้ “พระวจนาตถ์ของพระเจ้า [….] ทรงพำนักอยู่ในมนุษย์และทรงกลายเป็นบุตรแห่งมนุษย์เพื่อช่วยมนุษย์ให้คุ้นเคยที่จะสัมผัสพระเจ้าและให้พระเจ้าคุ้นเคยที่จะพำนักในมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระบิดา”
II. ขั้นตอนต่างๆ ของการเปิดเผย
พระเจ้าทรงแสดงพระองค์ให้มนุษย์รู้จักตั้งแต่แรกเริ่ม
CCC 54 “พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงค้ำชูสรรพสิ่งไว้ด้วยพระวจนาตถ์ โปรดให้สิ่งที่ทรงเนรมิตสร้างมานั้นเป็นพยานถึงพระองค์อยู่เสมอ นอกจากนั้นยังทรงมีพระประสงค์ที่จะเบิกทางไปสู่ความรอดพ้นเหนือธรรมชาติ จึงทรงแสดงพระองค์ให้แก่บิดามารดาเดิมของเราตั้งแต่แรก” พระองค์ทรงเชิญเขาทั้งสองให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ โดยประทานพระหรรษทานและความชอบธรรมรุ่งเรืองให้เขา
CCC 55 การเปิดเผยนี้ไม่ได้ถูกบาปของบิดามารดาเดิมของเราทำให้ขาดตอนลงเลย เพราะ “เมื่อเขาตกในบาปแล้ว พระองค์ก็ทรงสัญญาจะกอบกู้มนุษยชาติและโปรดให้เขามีความหวังที่จะได้รับความรอดพ้น และทรงคอยเฝ้าดูแลมนุษย์อยู่เสมอมิได้ขาด เพื่อจะได้ประทานชีวิตนิรันดรให้แก่ทุกคนที่พากเพียรประกอบกิจการดีแสวงหาความรอดพ้น”
“และเมื่อมนุษย์ได้สูญเสียมิตรภาพกับพระองค์เพราะมิได้เชื่อฟังพระบัญชา พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งให้อยู่ในอำนาจของความตาย […] แต่ประทานพันธสัญญาให้มนุษยชาติหลายครั้งหลายครา”
พันธสัญญากับโนอาห์
CCC 56 เมื่อเอกภาพของมนุษยชาติถูกบาปทำลายลงแล้ว ทันทีพระเจ้าก็ทรงประสงค์จะช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นโดยทรงแทรกเข้าไปในมนุษยชาติแต่ละส่วน พันธสัญญาที่ทรงทำไว้กับโนอาห์ภายหลังน้ำวินาศ แสดงถึงจุดเริ่มต้นของแผนการกอบกู้ของพระองค์ต่อ “นานาชาติ” นั่นคือต่อมนุษย์ “ซึ่งต่างก็มีดินแดน ภาษา เผ่า และชนชาติของตน” (ปฐก 10 : 5) และมีความสัมพันธ์ต่อกัน
CCC 57 การที่มนุษยชาติแตกแยกออกเป็นหลายชาติ ทั้งในด้านขอบเขต สังคมและศาสนาเช่นนี้มีเจตนาที่จะจำกัดความเย่อหยิ่งของมนุษยชาติที่แม้จะเป็นหนึ่งเดียวกันในเจตนาชั่วร้าย ต้องการสร้างเอกภาพตามวิธีการของตนเองดังที่หอบาเบล แต่เนื่องจากบาปการนับถือเทพเจ้าและรูปเคารพของชนชาติและบรรดาผู้นำต่างๆ ยังนับได้ว่าเป็นความชั่วร้ายที่ไม่เคารพนับถือพระเจ้าและเป็นภัยคุกคามต่อแผนความรอดที่ทรงจัดไว้ล่วงหน้านี้ด้วย
CCC 58 พันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับโนอาห์มีผลใช้บังคับตลอดช่วงเวลาของนานาชาติ จนถึงการประกาศพระวรสารแก่นานาชาติ พระคัมภีร์ให้ความเคารพนับถือแก่บุคคลสำคัญ “ของชาติต่างๆ” บางคน เช่น “อาเบลผู้ชอบธรรม” เมลคีเซเดค กษัตริย์และสมณะซึ่งเป็นรูปแบบของพระคริสตเจ้าหรือ “โนอาห์ ดาเนียลและโยบ” ผู้ชอบธรรม (อสค 14 : 14) ดังนี้ พระคัมภีร์จึงบอกว่าผู้ดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับโนอาห์อาจบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ได้สูงเพียงใด เมื่อเขารอคอยพระคริสตเจ้าผู้ที่จะทรง “รวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยน 11 : 52)
––––––––––––––––––––
#แผนกคริสตศาสนธรรมผู้ใหญ่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
#คำสอนผู้ใหญ่
#RCIA
หยั่งลึกในความเชื่อวันละนิดกับชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
––––––––––––––––––––
📌 วันที่ 10
บทที่สอง พระเจ้าทรงพบกับมนุษย์
- (CCC 50)
ตอนที่ 1 การเปิดเผยความจริงของพระเจ้า
- I. พระเจ้าทรงเปิดเผย “แผนการแสดงพระทัยดี” ของพระองค์ (CCC 51-53)
- II. ขั้นตอนต่างๆ ของการเปิดเผย
พระเจ้าทรงแสดงพระองค์ให้มนุษย์รู้จักตั้งแต่แรกเริ่ม (CCC 54-55)
- พันธสัญญากับโนอาห์ (CCC 56-58)
บทที่สอง พระเจ้าทรงพบกับมนุษย์
CCC 50 มนุษย์ที่ใช้เหตุผลตามธรรมชาติอาจรู้จักพระเจ้าได้อย่างมั่นใจโดยเริ่มจากผลงานต่างๆ ของพระองค์ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นที่จะรู้จักพระเจ้าได้อีก วิธีการนี้มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงได้เลยอาศัยพลังความสามารถของตนเท่านั้น วิธีการเช่นนี้ได้แก่ การเปิดเผยของพระเจ้า พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยโดยอิสระที่จะทรงเปิดเผยและประทานพระองค์แก่มนุษย์พระองค์ทรงทำเช่นนี้โดยทรงเปิดเผยพระธรรมล้ำลึกของพระองค์ ทรงมีแผนการแสดงพระทัยดีมาตั้งแต่นิรันดรในพระคริสตเจ้าสำหรับมวลมนุษย์ ทรงเปิดเผยแผนการนี้อย่างสมบูรณ์เมื่อทรงส่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบุตรสุดที่รักและพระจิตเจ้ามาให้เรา
ตอนที่ 1 การเปิดเผยความจริงของพระเจ้า
I. พระเจ้าทรงเปิดเผย “แผนการแสดงพระทัยดี” ของพระองค์
CCC 51 “พระเจ้าทรงพระทัยดีและปรีชาญาณ ทรงมีพระประสงค์ที่จะแสดงพระองค์แก่มนุษย์ให้มนุษย์รู้ถึงแผนการอันเร้นลับของพระองค์ คือการที่โดยทางพระคริสตเจ้าองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ มนุษย์จึงสามารถเข้าถึงพระบิดาเจ้าในองค์พระจิตเจ้า และมีส่วนในพระธรรมชาติพระเจ้าได้”
CCC 52 พระเจ้า “ผู้ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้” (1 ทธ 6 : 16) ทรงประสงค์ให้มนุษย์ที่ทรงเนรมิตสร้างไว้โดยอิสระเสรีได้มีส่วนร่วมชีวิตพระเจ้าของพระองค์ เพื่อทรงบันดาลให้มนุษย์เป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ในองค์พระบุตร เมื่อทรงเปิดเผยพระองค์ พระเจ้าทรงประสงค์บันดาลให้มนุษย์สามารถตอบสนองพระองค์ รู้จักพระองค์ รักพระองค์ได้เหนือความสามารถที่เขามีตามธรรมชาติ
CCC 53 แผนการของพระเจ้าที่จะเปิดเผยนี้สำเร็จไป “ด้วยกิจการและพระวาจาซึ่งเกี่ยวเนื่องกันอย่างลึกซึ้ง” และให้ความกระจ่างแก่กัน การเปิดเผยนี้นับเป็น “วิธีการที่พระเจ้าทรงสั่งสอน” โดยเฉพาะ พระเจ้าทรงค่อยๆ เปิดเผยพระองค์แก่มนุษย์ตามลำดับ ทรงเตรียมเขาในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อรับการเปิดเผยเหนือธรรมชาติที่พระเจ้าทรงกระทำด้วยพระองค์เอง และที่จะบรรลุถึงจุดยอดในพระบุคคลและพันธกิจของพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ คือพระเยซูคริสตเจ้า
นักบุญอีเรเนอุส แห่งลียง ใช้ภาพความใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์กล่าวบ่อยๆ ถึงวิธีการสั่งสอนของพระเจ้าว่าดังนี้ “พระวจนาตถ์ของพระเจ้า [….] ทรงพำนักอยู่ในมนุษย์และทรงกลายเป็นบุตรแห่งมนุษย์เพื่อช่วยมนุษย์ให้คุ้นเคยที่จะสัมผัสพระเจ้าและให้พระเจ้าคุ้นเคยที่จะพำนักในมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระบิดา”
II. ขั้นตอนต่างๆ ของการเปิดเผย
พระเจ้าทรงแสดงพระองค์ให้มนุษย์รู้จักตั้งแต่แรกเริ่ม
CCC 54 “พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงค้ำชูสรรพสิ่งไว้ด้วยพระวจนาตถ์ โปรดให้สิ่งที่ทรงเนรมิตสร้างมานั้นเป็นพยานถึงพระองค์อยู่เสมอ นอกจากนั้นยังทรงมีพระประสงค์ที่จะเบิกทางไปสู่ความรอดพ้นเหนือธรรมชาติ จึงทรงแสดงพระองค์ให้แก่บิดามารดาเดิมของเราตั้งแต่แรก” พระองค์ทรงเชิญเขาทั้งสองให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ โดยประทานพระหรรษทานและความชอบธรรมรุ่งเรืองให้เขา
CCC 55 การเปิดเผยนี้ไม่ได้ถูกบาปของบิดามารดาเดิมของเราทำให้ขาดตอนลงเลย เพราะ “เมื่อเขาตกในบาปแล้ว พระองค์ก็ทรงสัญญาจะกอบกู้มนุษยชาติและโปรดให้เขามีความหวังที่จะได้รับความรอดพ้น และทรงคอยเฝ้าดูแลมนุษย์อยู่เสมอมิได้ขาด เพื่อจะได้ประทานชีวิตนิรันดรให้แก่ทุกคนที่พากเพียรประกอบกิจการดีแสวงหาความรอดพ้น”
“และเมื่อมนุษย์ได้สูญเสียมิตรภาพกับพระองค์เพราะมิได้เชื่อฟังพระบัญชา พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งให้อยู่ในอำนาจของความตาย […] แต่ประทานพันธสัญญาให้มนุษยชาติหลายครั้งหลายครา”
พันธสัญญากับโนอาห์
CCC 56 เมื่อเอกภาพของมนุษยชาติถูกบาปทำลายลงแล้ว ทันทีพระเจ้าก็ทรงประสงค์จะช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นโดยทรงแทรกเข้าไปในมนุษยชาติแต่ละส่วน พันธสัญญาที่ทรงทำไว้กับโนอาห์ภายหลังน้ำวินาศ แสดงถึงจุดเริ่มต้นของแผนการกอบกู้ของพระองค์ต่อ “นานาชาติ” นั่นคือต่อมนุษย์ “ซึ่งต่างก็มีดินแดน ภาษา เผ่า และชนชาติของตน” (ปฐก 10 : 5) และมีความสัมพันธ์ต่อกัน
CCC 57 การที่มนุษยชาติแตกแยกออกเป็นหลายชาติ ทั้งในด้านขอบเขต สังคมและศาสนาเช่นนี้มีเจตนาที่จะจำกัดความเย่อหยิ่งของมนุษยชาติที่แม้จะเป็นหนึ่งเดียวกันในเจตนาชั่วร้าย ต้องการสร้างเอกภาพตามวิธีการของตนเองดังที่หอบาเบล แต่เนื่องจากบาปการนับถือเทพเจ้าและรูปเคารพของชนชาติและบรรดาผู้นำต่างๆ ยังนับได้ว่าเป็นความชั่วร้ายที่ไม่เคารพนับถือพระเจ้าและเป็นภัยคุกคามต่อแผนความรอดที่ทรงจัดไว้ล่วงหน้านี้ด้วย
CCC 58 พันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับโนอาห์มีผลใช้บังคับตลอดช่วงเวลาของนานาชาติ จนถึงการประกาศพระวรสารแก่นานาชาติ พระคัมภีร์ให้ความเคารพนับถือแก่บุคคลสำคัญ “ของชาติต่างๆ” บางคน เช่น “อาเบลผู้ชอบธรรม” เมลคีเซเดค กษัตริย์และสมณะซึ่งเป็นรูปแบบของพระคริสตเจ้าหรือ “โนอาห์ ดาเนียลและโยบ” ผู้ชอบธรรม (อสค 14 : 14) ดังนี้ พระคัมภีร์จึงบอกว่าผู้ดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับโนอาห์อาจบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ได้สูงเพียงใด เมื่อเขารอคอยพระคริสตเจ้าผู้ที่จะทรง “รวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยน 11 : 52)
––––––––––––––––––––
#แผนกคริสตศาสนธรรมผู้ใหญ่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
#คำสอนผู้ใหญ่
#RCIA