การแต่งงานเป็นคำสัญญาที่ล้มเลิกไม่ได้ ด้วยเหตุผล 3 ประการ ประการแรก เพราะแก่นแท้ของความรักคือการมอบตนเองแก่กันและกัน โดยไม่สงวนสิ่งใดไว้ ประการที่สอง เพราะเป็นภาพลักษณ์ความซื่อสัตย์อย่างไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าต่อสิ่งสร้างของพระองค์และประการที่สาม เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการมอบพระองค์ของพระคริสตเจ้าแก่พระศาสนจักร แม้จนถึงการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (1605,1612-1617,1661)

ในปัจจุบันที่คู่แต่งงาน 50% ในหลาย ๆ แห่งจบด้วยการหย่าร้าง การแต่งงานที่ยังยั่งยืนจึงเป็นเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งที่สุดแล้วก็คือเครื่องหมายของพระเจ้าในโลกนี้ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างเป็นสิ่งสัมพัทธ์ (relative) เปลี่ยนแปลงได้ ไม่จริงแท้ ผู้คนจึงควรมีความเชื่อในพระเจ้า พระองค์เท่านั้นที่ทรง สัมบูรณ์ (absolute) เป็นความจริงแท้ ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ไม่สัมพัทธ์คือไม่เปลี่ยนแปลงนั้นจึง กลายเป็นสิ่งสำคัญ เช่นคนที่พูดความจริงแท้ หรือมีความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์ในการแต่งงาน มิใช่มาจากความสำเร็จของมนุษย์ แต่เป็นพยานถึงความซื่อสัตย์ของพระเจ้า ผู้ทรงอยู่เสมอ แม้เมื่อเราทรยศพระองค์ในรูปแบบต่าง ๆ หรือหลงลืมพระองค์ การแต่งงานในพระศาสนจักรหมายถึงการวางใจในความช่วยเหลือของพระเจ้ามากกว่าความสามารถของตนเองในเรื่องความรัก